ตรวจสถานะทางการเงิน

อย่างแรกเลยที่คุณควรคำนึงถึงก่อนคือสถานะทางการเงินในปัจจุบัน ให้สำรวจว่ารายรับและรายจ่ายของคุณมีอะไรบ้าง หากแจกแจงได้จะเป็นการจัดการการเงินส่วนตัวที่ดีมาก เพราะสองอย่างนี้เป็นตัวกำหนดความสามารถในการผ่อนชำระหนี้ โดยทั่วไปแล้ว คุณไม่ควรมีหนี้เกิน 40% ของรายได้สุทธิต่อเดือน หากคุณมีหนี้จำนวนมาก หนี้เหล่านั้นจะมีผลต่อวงเงินสูงสุดที่คุณได้รับและผลอนุมัติของสินเชื่อ

ดูภาระหนี้สินที่มีอยู่

จากนั้นให้มานึกถึงภาระหนี้สินที่คุณมีอยู่ โดยทำตารางหรือบันทึกรายการหนี้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นหนี้บัตรเครดิต หนี้รถ บัตรกดเงินสด หรือสินเชื่อส่วนบุคคล แล้ววางแผนปลดหนี้ด้วยวิธีจัดการหนี้ก้อนเล็กที่สุดแล้วโปะก้อนใหญ่กว่า รวมถึงชำระหนี้ให้ตรงเวลา ชำระหนี้มากกว่าขั้นต่ำ และปิดบัตรที่ไม่ใช้แล้ว

คำนวณความสามารถในการกู้เงิน

กลับมาดูเงินเดือนและหนี้สินเพื่อประเมินความสามารถว่าคุณจะกู้เงินได้เท่าไรจากสถาบันการเงิน โดยดูการคำนวณได้จากหัวข้อ เงินเดือนเท่านี้ ผ่อนบ้านได้เท่าไร หรือคำนวณจากโปรแกรมคำนวณ โดยทั่วไปสถาบันการเงินกำหนดให้ผู้กู้สามารถรับภาระหนี้ได้ 40 - 70% ของรายได้ทั้งหมด ซึ่งในขั้นต่ำของการผ่อนต่อเดือนจะอยู่ที่ประมาณล้านละ 7,000 บาท

เก็บออมเพื่อเงินดาวน์

ต่อด้วยการเก็บหอมรอมริบสำหรับคนที่ต้องการกู้บ้านแบบประหยัดดอกเบี้ย โดยทั่วไปแล้วเงินดาวน์บ้านใหม่จะอยู่ที่ประมาณ 5 - 20% ของราคาบ้าน แล้วผู้กู้ก็ไปขอกู้ในจำนวนที่เหลือกับสถาบันการเงิน และยิ่งคุณมีเงินดาวน์มากเท่าไรโอกาสที่จะได้รับอนุมัติสินเชื่อจะมีเพิ่มมากขึ้น

จัดเอกสารให้ครบถ้วน

จะขาดไปได้อย่างไรกับการเตรียมหาเอกสารให้พร้อมเพื่อให้การยื่นกู้เป็นไปอย่างราบรื่น ทั้งเอกสารทั่วไปที่แสดงตัวตนของผู้กู้ เช่น บัตรประชาชน, เอกสารแสดงที่มาของรายได้ เช่น ใบรับรองเงินเดือน หรือบัญชีเงินฝากย้อนหลัง และเอกสารอื่นๆ ที่สถาบันการเงินกำหนดให้ใช้ประกอบด้วย

I BUILT MY SITE FOR FREE USING